Klon Centaur เป็นหนึ่งใน Holy Grail ของเอฟเฟกต์เสียงแตกที่เหล่ามือกีตาร์พูดถึงและพยายามจะหามาครอบครองให้ได้มากที่สุดก้อนนึง ด้วยเสียงที่มีเอกลักษณ์ และจำนวนที่มีจำกัดทำให้ราคาในตลาดมือสองนั้นพุ่งทะยานไปสูงมากๆ
ทำไมมันถึงเป็นตำนาน? ทำไมคนถึงพูดถึงมัน? ทำไมมือกีตาร์ระดับโลกมากมายถึงนำมันไปใช้?
ทุกอย่างเริ่มจากคุณ Bill Finnegan มือกีตาร์ที่เล่นอยู่กับวงในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขามักจะใช้กีตาร์ Telecaster ต่อเข้ากับแอมป์ Twin Reverb และเปิดให้ดังที่สุดเท่าที่สถานที่จะอนุญาติ และเขาพบว่าถ้าเป็นสถานที่ใหญ่หน่อยเขาจะสามารถเปิดได้ราวๆเบอร์ 6-7 แต่ถ้าเล่นในที่เล็กๆเขาอาจจะต้องลดลงมาที่เบอร์ 3.5-4 ซึ่งในสถานการณ์หลังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะได้เสียงที่ดี แต่ความอิ่มของเสียงที่เกิดเสียงฮาร์โมนิกต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดแอมป์หลอดจนดังได้ที่นั้นหายไป
เขาเลยมองหาเสียงแตกซักก้อนที่จะมาวางหน้าแอมป์เพื่อขยายสัญญานจากกีตาร์ให้แรงขึ้นก่อนที่จะเข้าไปสู่ภาค Input ของแอมป์เพื่อที่จะได้เสียงที่อิ่มเหมือนเวลาเปิดแอมป์ดังมากๆแม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดแอมป์ดังขนาดนั้นก็ตาม
ในยุคนั้นผู้คนพยายามตามหา Ibanez Tube Screamer รุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว Bill ได้พบกับชายคนหนึ่งที่ขาย TS9 เขาจึงได้ไปขอลอง และพบว่า TS9 นั้นเปลี่ยนโทนเสียงและการตอบสนองของเสียงกีตาร์ไปพอสมควร และมีคาแรกเตอร์ย่านเสียงกลางที่ชัดเจน ซึ่งตัว Bill เองนั้นไม่ชอบ และ TS9 ยังให้ย่านเสียงเบสที่ค่อนข้างน้อย เขาได้ลอง TS808 ที่คนขายนั้นมีอยู่ เขาชอบมันมากกว่า TS9 แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาตามหาอยู่ดี เขาอยากได้เสียงที่ใหญ่ เปิด และมีการ Clipping แบบแอมป์หลอด
สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างมันขึ้นมา เขาร่วมมือกับวิศวะกรอิเล็คทรอนิกส์ที่สำเร็จการศึกษาจาก MIT ทั้งคู่มีงานประจำจึงพบกันแค่สัปดาห์ละครั้ง หลังจากผ่านไปหนึ่งปีครึ่งพวกเขาก็ได้ Prototype ที่ไกล้เคียงกับสิ่งที่ Bill ต้องการ มือกีตาร์หลายๆคนในบอสตันได้มาลองและบอก Bill ให้ผลิตออกมาพวกเขาพร้อมจะซื้อ แต่ Bill ยังคิดว่าวงจรนี้สามารถพัฒนาไปได้อีก
หลังจากนั้นไม่นานวิศกรที่ทำงานร่วมกับ Bill ได้ซื้อบ้านในย่านชานเมือง จึงทำให้ทั่งคู่ร่วมงานกันได้ยากขึ้น ทำให้ Bill ได้หันไปทำงานร่วมกับ Fred Fenning ซึ่งสำเร็จการศึกษาจาก MIT เช่นกัน และ Bill ให้เครดิตมากมายกับ Fred สำหรับการสร้างวงจรของ Klon Centaur และ KTR
ในที่สุดหลังจากพัฒนามาถึง 4 ปี ในช่วงปลายปี 1994 Klon Centaur ก็ถูกวางจำหน่ายในราคา $225USD ถ้าเทียบกับอัตราเงินเฟ้อเท่ากัน $5,652USD หรือเกือบๆ 180,000 บาทในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าแพงมากๆสำหรับวงการเอฟเฟกต์ และ Klon นั้นถือเป็นเอฟเฟกต์ Boutique ก้อนแรกๆของโลกเลย
แม้ว่าราคาจะสูงแต่ Klon Centaur ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีคิวการสั่งซื้อที่ยาวเหยียด แต่ Bill กลับผลิต Klon Centaur ได้ค่อนข้างช้าเพราะเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะในการสร้าง และด้วยความที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองบอสตันที่ค่าครองชีพสูง ทำให้เขาไม่สามารถจ้างคนงานเพิ่มและขยายกำลังการผลิตได้
Klon Centaur ทุกก้อนนั้นทำด้วยมือของ Bill เองบนโต๊ะพับได้กลางอพาร์ทเม้นท์ในเมืองบอสตัน ตลอดระยะเวลา 15 ปี Bill สร้าง Klon Centaur ขึ้นมาราว 8,000 ก้อน
แม้ว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่กำไรที่ Bill ได้เมื่อเทียบแรงที่ทุ่มเทลงไปนั้นกลับไม่คุ้มค่าเลย รวมถึงเขายังได้รับเสียงบ่นจากลูกค้าที่อยากได้ Klon Centuar แต่กลับไม่อยากจะจ่ายเงินจำนวนนั้นแล้วยังต้องรอคิวนานอยู่เรื่อยๆ ทำให้ สถานการณ์ของ Bill นั้นไม่ใช้การผลิตที่ยั่งยืน
จนในที่สุด Bill ก็คิดว่าเขาจะต้องฆ่าสิ่งที่เป็นอยู่ ก่อนที่มันจะฆ่าเขา Bill ตัดสินใจยุติการผลิต Klon Centaur ในปี 2009 โดยราคาวางจำหน่ายราคาสุดท้ายคือ $329USD
ตอนแรกขอจบไว้ตรงนี้
เอกลักษณ์ของเสียง Klon Centaur เป็นอย่างไร? นวัตกรรมใหม่ๆซึ่ง Bill ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 1994 มีอะไรบ้าง? ทำไมถึงแทบจะไม่มีใครเลียนแบบ Klon Centaur ได้เลยในช่วงแรกๆ? Klon Centaur มีกี่แบบ …. ม้าเงิน ม้าทอง และรุ่นที่ไม่มีม้าเสียงต่างกันไหม? KTR ให้เสียงแบบ Klon Centaur หรือปล่าว?
รอติดตามได้ในตอนต่อไปครับ