มัลติเอฟเฟกต์ทำงานอย่างไร? จากตอนที่แรกเราน่าจะพอเห็นภาพกันแล้วว่า มัลติแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้นแตกต่างกันอย่างไร (อ่านได้ที่ Multi Effect #1 มัลติตัวไหนดีกว่ากัน )

มัลติเอฟเฟกต์นั้นทำงานด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล แม้ว่าแต่ละบริษัทจะมีเทคโนโลยีเฉพาะของบริษัทนั้นๆ เช่น Boss มี COSM, MDP และล่าสุด AIRD / Helix มี HX Modelling เป็นต้น แต่ทุกบริษัทนั้นย่อมต้องมีเทคโนโลยีที่ต้องใช้เหมือนๆกันอยู่ด้วยทั้งในรูปแบบของ Hardware เช่น Convertor, DSP และ Software อย่างเช่น IR

ในส่วนของการทำงานของมัลติเอฟเฟกต์นั้น จะเริ่มด้วยการแปลงสัญญาณเสียงกีตาร์ของเราจาก Analog เป็น Digital ด้วย Convertor ซะก่อน ซึ่งเราจะเรียกมันว่า AD Convertor (Analog to Digital) จากนั้นเมื่อประมวลผลเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเสียง จำลองแอมป์ ใส่เอฟเฟกต์อะไรก็ตาม ก็ต้องแปลงข้อมูล Digital กลับมาเป็น Analog อีกด้วยด้วย Convertor ซึ่งเราจะเรียกมันว่า DA Convertor (Digital to Analog)

ถ้ามัลติตัวไหนมีพวก Loop ที่ใช้สำหรับแทรกอุปกรณ์ Analog หรือ Digital อื่นๆเข้าไปด้วยก็ต้องมีการเพิ่ม Convertor ทั้ง AD และ DA เข้าไป อย่างเช่น Helix มี Loop 4 ชุด ก็ต้องเพิ่ม Convertor เข้าไปอีก 4 ชุด ซึ่งแน่นอนว่าทุนในการผลิตก็จะเพิ่มตามขึ้นไปด้วย ทำให้มัลติที่ราคาย่อมเยาว์ลงมาอย่าง Helix LT มีการลด Loop เหลือแค่ 2 ชุด / Boss MS-3 ที่ราคาย่อมเยาว์ลงมาอีกนั้นถึงจะมี Loop 3 ชุด แต่ใช้ Convertor ชุดเดียว จึงทำให้ Loop ทั้ง 3 ชุดนี้จะต้องวางติดกันใน Signal Chain ไม่สามารถย้ายอิสระได้

การใส่จำนวน Loop มากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยุ่กับการออกแบบโดยรวมของแต่ละบริษัทด้วย เพราะถ้าใส่มามากเกินไปแล้วลูกค้าไม่ได้ใช้มันก็ทำให้ราคาแพงขึ้นอย่างไม่คุ้มค่า ถ้ามีน้อยเกินไปถึงราคาจะย่อมเยาว์ลงมาแต่ก็อาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งอันนี้คงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้งานแต่ละคนว่าจะมีความต้องการแบบไหน

ในส่วนของ DSP หรือ Digital Signal Processor มันคือชิพที่ใช้ประมวลผลข้อมูลดิจิตอลทั้งหมด ถ้าเทียบให้เห็นภาพง่ายขึ้นก็คือ CPU ของคอมพิวเตอร์ หรือชิพใน Smart Phone แต่สำหรับมัลติเอฟเฟกต์นั้นจะใช้ในการประมวลผลด้านเสียงเป็นหลัก ซึ่งความละเอียดของจำนวนข้อมูลที่ต้องนำมาประมวลนั้นจะละเอียดและเร็วแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ DSP เป็นหลัก

DSP นั้นยิ่งประสิทธิภาพสูงก็ยิ่งมีราคาแพง แต่ก็ยิ่งประมวลผลได้ละเอียดและเร็วขึ้น ที่ผ่านมาปัญหาที่เราเจอกับมัลติทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น เปลี่ยน Preset แล้วกระตุก,สะอึก หรือใช้เอฟเฟกต์ได้จำกัด ก็เพราะว่า DSP ประมวลผลไม่ทัน หรือประมวลผลไม่ไหว ถามว่าทำไมไม่เอา DSP ที่แรงๆมาใช้? น่าจะเพราะว่ามันแพงครับ ถ้าใครเคยประกอบคอมจะรู้เลยว่า CPU รุ่นสูงๆ และ สูงที่สุด ราคาจะกระโดดจากรุ่นกลางๆไปมาก ดังนั้นเอฟเฟกต์รุ่นใหม่ๆที่ออกมาย่อมใช้ DSP ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆไปตามเทคโนโลยีดิจิตอลที่พัฒนาขึ้นและมีราคาถูกลงทุกวัน

ส่วน IR นั้นปัจจุบันก็กลายมาเป็นมาตรฐานของมัลติไปแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้หวังว่าเพื่อนจะพอเห็นภาพและเข้าใจการทำงานของมัลติเอฟเฟกต์ขึ้นนะครับ ตอนถัดๆไปผมจะมาเขียนรายละเอียดเรื่องของ Convertor, DSP และ IR ให้อ่านกันอีกทีครับ