สั่งกีตาร์จากต่างประเทศต้องเสียภาษีไหม?​

สั่งกีตาร์มาจากต่างประเทศต้องเสียภาษีไหมครับ?​ สั่งมาใช้เองตัวเดียวโดนไหมครับ? ถ้าเสียภาษีต้องทำอย่างไร?

หลายๆคนคงเคยอยากจะสั่งกีตาร์ หรือ เครื่องดนตรีชนิดอื่นๆจากต่างประเทศ อาจจะด้วยเหตุผลต่างๆกันไป เช่น รุ่นนั้นๆตัวแทนในประเทศไม่ได้สั่งเข้ามาขาย หรือ อาจจะเป็นรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว และคงเคยได้ยินกันว่าจะเสียภาษี รวมถึงหลายๆคนอาจจะมีความเชื่อว่าสั่งมาใช้เอง หรือเป็นของมือสองไม่น่าจะโดนภาษี

คำตอบของคำถามที่จั่วหัวไว้คือ โดนครับ ต้องเสียครับ

เราต้องเสียภาษี “นำเข้า” ครับ ซึ่งชื่อของภาษีบอกอยู่แล้วว่าอะไรก็ตามที่นำเข้ามาในประเทศต้องเสียภาษีไม่ว่าจะเป็นของใหม่ ของเก่า ของใช้แล้ว หรือของที่มีคนให้มาก็ตาม โดยเครื่องดนตรีนั้นจะคิดภาษีที่ 10%ของมูลค่ารวมกับค่าส่ง ครับ และจะต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT อีก 7% ของมูลค่าสินค้ารวมค่าส่งและภาษีนำเข้า

เช่น กีตาร์ราคา 10,000 บาท เสียภาษี 10% เท่ากับ 1,000 บาท และต้องเสีย VAT อีก 7% ของราคากีตาร์บวกกับภาษีนำเข้า (10,000 +1,000 = 11,000) ซึ่งจะเสีย VAT อีก 770 บาทรวมเสียภาษีนำเข้าและมูลค่าเพิ่มรวม 1,770 บาท

ตามกฏหมายจะยกเว้นไม่เก็บภาษีสินค้าที่มูลค่ารวมกับค่าส่งแล้วไม่เกิน 1,500 บาทครับ
ถ้าเกิน 1,500 แต่ไม่ถึง 40,000 บาท ทางศุลกากร จะทำการประเมิณภาษีและออกใบแจ้งให้ไปจ่ายภาษีนำเข้าและรับของได้ที่ไปรษณีย์ไกล้ได้เลยครับ โดยใบแจ้งจะเป็นใบสีเขียวๆแบบในรูป แต่จะมีระบุราคาค่าภาษีมาแล้ว เราก็แค่นำบัตรประชาชน ไปรับด้วยตัวเองพร้อมชำระภาษีที่ไปรษณีย์ไกล้บ้าน หรืออาจจะเซ็นต์มอบอำนาจให้ผู้อื่นไปรับแทนก็ได้ (สามารถเซ็นต์ได้ด้านหลังใบสีเขียวเลย)

แต่กรณีที่ของมูลค่ารวมเกิน 40,000 เราก็จะได้รับใบแจ้งเช่นเดียวกันครับ แต่จะไม่ได้ระบุราคาค่าภาษีมาให้ อย่างที่ผมได้มาครั้งนี้ ซึ่งเราต้องเดินทางไปยังสถานที่ๆระบุไว้ในใบเพื่อทำการเปิดของประเมิณค่าภาษีพร้อมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรครับ …. บางครั้งถึงสินเค้าเราจะไม่ได้มีมูลค่าเกิน 40,000 แต่ก็อาจจะถูกเรียกไปประเมินภาษีได้เช่นกันครับ

อย่างของผมครั้งนี้ได้รับการแจ้งว่าให้เดินทางไปยังศูนย์ EMS กรุงเทพ แจ้งวัฒนะซอย 5 โดยเราต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชน และ invoice หรือใบเสร็จของสินค้าไปด้วย (ถ้าไม่ได้นำไป สามารถถ่ายเอกสารและปริ้นต์ invoice ได้ที่บริการถ่ายเอกสารครับ แต่เตรียมไปเองจะรวดเร็วกว่า)

การเคลียภาษีมีขั้นตอนดังนี้ครับ

1.พอถึงปุ้ปเราก็เข้าไปยัง “ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์” จากนั้นให้กรอกหลังใบสีเขียวพร้อมแนบบัตรประชาชน ยื่นรับบัตรคิวได้เลยครับ

2.เจ้าหน้าที่จะไปเอาของ ของเราออกมาจากโกดัง และเรียกเบอร์ตามบัตรคิวให้ไปเปิดสินค้าตรวจพร้อมกับประเมินราคา และคิดภาษี ถ้ามูลค่ารวมของสินค้าไม่เกิน 40,000 ก็ทำการประเมิน จ่ายเงินและรับของกลับได้เลยครับ

3.กรณีถ้าสินค้ามูลค่าเกิน 40,000 เราต้องทำใบขนครับ ขั้นตอนคือ เราต้องทำการลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากร ก่อน ซึ่งของผมนั้นโชคดีว่าสองเดือนก่อนได้สั่งกีตาร์เข้ามาทาง Fedex และทาง Fedex นั้นดำเนินการเรื่องภาษีแทนให้โดยได้ลงทะเบียนให้ผมไว้เรียบร้อยแล้ว

4.หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว ให้เดินไปขอใบขนที่ Counter Service ฝั่งตรงข้าม และเอามาติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องทำใบขนโดยตรง (โต๊ะเบอร์ 15-16) ทางเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ โดยเราต้องยื่นinvoice ให้เจ้าหน้าที่ช่วยกรอกข้อมูลด้วย แต่ถ้าเรามีสินค้าหลายรายการมากๆเค้าจะแนะนำให้จ้าง ชิปปิ้งที่เดินๆอยู่แถวนั้นช่วยจัดการให้

5.พอช่วยกันกับเจ้าหน้ากรอกข้อมูลใบขนเสร็จ ก็นำใบขนกลับไปฝั่ง Counter Service เพื่อกรอกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ และ ปริ้นท์ใบขนตัวจริงออกมา ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการคำนวนภาษีมาให้เราเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีค่าธรรมเนียม 140 บาท

6.จากนั้นเอาใบขนไปจ่ายภาษีที่ช่องการเงิน และไปยื่นเรื่องขอเอกสารเพื่อปล่อยสินค้าออก จากนั้นเราก็เอาใบที่ได้มาพร้อมกับของไปยื่นที่เจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณประตูทางออก จากนั้นเราก็พากีตาร์ของเรากลับบ้านได้แล้วครับ

ปล.1 เครื่องดนตรี 10% แต่ถ้าเป็นลำโพง ตู้ลำโพง อาจจะโดน 30% ถ้าประเมินว่าเป็นเครื่องเสียง
ปล.2 เจ้าหน้าที่บอกว่าเช้าๆคนไม่เยอะ สายๆจะเริ่มเยอะ และบ่ายจะเยอะมากครับ
ปล.3 ใครจะสั่งหิ้วเข้ามาลองเช็คอัตราแลกเปลี่ยนที่เค้าคิดดูนะครับ บางทีคิดแพงมาก ขนาดว่าเราจ่ายภาษีกับค่าส่งเต็มๆแล้วยังถูกกว่าที่เค้าคิดเลย

ข้อมูลนี้เขียนเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2016 ระเบียบการและอัตราภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ

#ภาษีนำเข้า #สั่งของ #หิ้ว #ต่างประเทศ #สั่งนอก #พรีออเดอร์ #เสียภาษีไหม #PeteSow #PeterSow